บทที่ 3
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางนักท่องเที่ยว
แรงจูงใจ
แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวแตกต่างไปจากแรงจูงใจในวิชาจิตวิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจทางด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวเป็นแนวคิดที่เป็นแบบลูกผสมระหว่างแนวคิดทางจิตวิทยาผสมกับแนวคิดทางด้านสังคมวิทยา แรงจูงใจจึงหมายถึงเครือข่ายทั้งหมดของพลังทางวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น
กล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ทีมีความต้องการและมนุษย์จะแสดงพฤติกรรมต่างๆ เพื่อที่จะสนองความต้องการและความต้องการจำเป็นต่างๆ ความต้องการของคนเราจะไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อความต้องการอย่างหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว ความต้องการอีกระดับก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ Maslow ได้เสนอลำดับขั้นของความต้องการของมนุษย์ทั้งหลายรวม 5 ขั้น
ความต้องการของมนุษย์มีทั้งหมด 5 ขั้นดังนี้
1.ความต้องการความสำเร็จแห่งตน
2.ความต้องการที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียง
3.ความต้องการทางด้านสังคม
4.ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต
5.ความต้องการทางด้านสรีรวิทยา
2. ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง
ผู้นำเสนอคือ Philip Pearce โดยประยุกต์มาจากทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น แต่แตกต่างตรงที่ในลำดับขั้นแห่งความต้องการของนักท่องเที่ยวในขั้นที่ 1 หรือความต้องการทางสรีรวิทยา ถึงขั้นที่ 4 หรือความต้องการทางด้านเกียรติยศชื่อเสียงนั้น ในแต่ละขั้นเกิดขึ้นจากบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง ส่วนหนึ่งและมีอีกส่วนหนึ่งเป็นการชักนำหรือกำหนดโดยผู้อื่น ยกเว้นความต้องการในขั้นสูงสุดหรือความต้องการความสำเร็จแห่งตนหรือความต้องการที่จะได้รับความพึงพอใจสูงสุด เป็นขั้นที่เกิดจากความต้องการของตัวบุคคลเป็นผู้กำหนดเอง
3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น
Crompton ได้ทำการวิจัย เพื่อศึกษาถึงแรงจูงใจที่ผลักดันให้คนเรามีการเดินทางท่องเที่ยว เขาได้ทำวิจัยโดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวที่เป็นคนชั้นกลาง 39 คน สรุปผลการวิจัยของเขาออกมาเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการเดินทางที่เขาเรียกว่า วาระซ่อนเร้น เนื้อหาสาระบางส่วนมีเนื้อหาคล้ายกับทฤษฎีแรงจูงใจของ Maslow
แรงจูงใจวาระซ่อนเร้นมี 7 ประเภท
1. การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมจำเจ
2. การสำรวจและการประเมินตัวเอง
3. การพักผ่อน
4. ความต้องการเกียรติภูมิ
5. ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
6. กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
7. การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
4. แรงจูงใจทางการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke
จำแนกแรงจูงใจที่ทำให้คนเดินทางออกเป็น 6 ชนิดดังนี้
1. แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ
2. แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
3. การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
4. การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้เพื่อสถานภาพ
5. แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
6. แรงจูงใจส่วนบุคคล
แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1. แรงจูงใจที่จะได้สำผัสสิ่งแวดล้อม
2. แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
3. แรงจูงใจที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4. แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว
5. แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
6. แรงจูงใจที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
9. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้สถานภาพทางสังคม
10.แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง
โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
หมายถึง องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ถือเป็นส่วนสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานหลักๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่
1. ระบบไฟฟ้า จะต้องมีใช้อย่างพอเพียง ทั่วถึง และใช้การได้ดีไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือก่อเกิดอันตราย
2. ระบบประปา ควรมีความสะอาด ถูกหลักอนามัย มีปริมาณเพียงพอ
3. ระบบสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงโทรศัพท์มีสายและไร้สาย ไปรษณีย์ โทรเลข
โทรสาร และไปรษณีย์อีเลกโทรนิกส์ ต้องมีความรวดเร็วและสะดวก
4. ระบบการขนส่ง ประกอบไปด้วย
ระบบการเดินทางทางอากาศ
ระบบการเดินทางทางบก
ระบบการเดินทางทางน้ำ
5. ระบบสาธารณสุข ควรมีสาธารณสุขที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว
ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้แก่
1.2 ลักษณะภูมิประเทศ ที่ปรากฏอยู่ตามส่วนต่างๆของโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกมีได้ 2 ลักษณะ
การเปลี่ยนแปลงจากภายในของเปลือกโลก เช่น ภูเขาไฟระเบิด
การเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวโลก เช่น เนินทราย
1.2 ลักษณะภูมิอากาศ พื้นที่ที่ตั้งอยู่แตกต่างกันเมื่อพิจารณาตามเส้นแลตติจูด อากาศแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน
ปัจจัยทางวัฒนธรรม
หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม วัฒนธรรมย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขและกาลเวลาเมื่อมีการประดิษฐ์หรือค้นพบสิ่งใหม่ วิธีใหม่ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของสังคมได้ดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น